แนวทางสมัยใหม่เพื่อภูมิปัญญาโบราณ
จากภูมิปัญญาของอารยธรรมจีนเป็นเวลากว่า 5,000 ปี อินฟินิตัสได้พัฒนาแนวความคิดด้านสุขภาพที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วยหลักการดูแลสุขภาพพื้นฐานทั่วไป ที่เรียกว่า"นิสัย 4 อย่าง และ 3 การบำรุงรักษา" สำหรับการแก้ปัญหาด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่ใช้ได้ผลกับสภาวะในปัจจุบันนี้
นิสัย 4อย่าง
อาหารการกิน, การพักผ่อน, การออกกำลังกาย, อารมณ์
3การบำรุงรักษา
การใช้พลังซี่ให้เหมาะสม, ความสมดุลของหยินและหยาง, การดูแลอวัยวะภายใน
ชีวิตที่มีสุขภาพดี
ประสบความสำเร็จในการสร้างความสมดุลของสุขภาพ,ครอบครัว และธุรกิจ
สร้างความสามัคคึให้กับบุคคล,ชุมชน,ครอบครัว และธุรกิจ;
และสังคม
อีกทั้งมีความสุขกับเวลาที่เหลือเฟือ
ความมั่งคั่ง, และจิตวิญญาณ
อาหารการกิน
ควบคุมการรับประทานให้พอเหมาะ
การฝึกบริโภคอาหารที่สมดุลด้วยปริมาณของเนื้อสัตว์และผัก และการรับประทานอาหารตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงสัดส่วนและอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการบริโภคในแต่ละครั้ง เราควรหลีกเลี่ยงการกินมากเกินไป อุณหภูมิที่สูงเกินไป การสลับระหว่างอาหารร้อนและเย็นอย่างรวดเร็ว โดยพื้นฐานแล้ว การควบคุมการรับประทาน ควรยึดหลักการพื้นฐาน 3 ประการ ได้แก่ การผสมผสานอาหารที่เหมาะสม ตารางการรับประทานอาหาร และการควบคุมสัดส่วน รวมไปถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการบริโภคอาหาร
การพักผ่อน
ตารางกิจวัตรประจำวันและการพักผ่อน
หลักการนี้เกี่ยวข้องกับการรักษากิจกรรมที่สมดุลและการพักผ่อนที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมตามฤดูกาล โดยมีกฎพื้นฐาน 3 ประการ ได้แก่ มีตารางการนอนหลับที่เหมาะสม กิจกรรมและการพักผ่อนที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว และการ้ชีวิตประจำวันที่พอดี
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
หลักการนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการออกกำลังกายและความจำเป็นในการเลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมซึ่งไม่หักโหมจนเกินไป เราทุกคนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง องค์ประกอบที่สำคัญสามประการของการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ได้แก่ การเคลื่อนไหวร่างกาย, ปรับเข้ากับชีวิตประจำวัน และมีความสม่ำเสมอ
อารมณ์
สมดุลแห่งจิตใจ
หลักการนี้เน้นความสำคัญของความสงบสุขทางจิตใจและกระตุ้นให้บุคคลรักษาทัศนคติเชิงบวก สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงสภาวะทางอารมณ์ที่รุนแรง เช่น ความสุข ความเศร้า หรือความโกรธที่มากเกินไป ควรสร้างเสริมความสนใจและงานอดิเรกที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ในขณะที่สร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายระหว่างบุคคล โดยรวมแล้ว หลักพื้นฐาน 3 ประการที่ต้องรักษา ได้แก่ ความคิดเชิงบวก อารมณ์สงบ และความสมดุลทางอารมณ์
การใช้พลังชี่ให้เหมาะสม
"การเพิ่มประสิทธิภาพ ชี่ (พลังงานชีวิต)" เป็นรากฐานของสุขภาพที่ดี
“ชี่” หมายถึง ความสามารถของร่างกายในการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม มีภูมิต้านทานโรค และฟื้นฟูร่างกายด้วยตนเอง อ้างอิงจาก คัมภีร์หวงตี้เน่ย์จิง (หรือที่รู้จักกันในนาม คัมภีร์ลึกลับของจักรพรรดิเหลือง) “ร่างกายจะไม่ยอมให้เชื้อโรคจากภายนอกมารุกรานหากระดับของ ชี่ มีเพียงพอ ในทางกลับกัน การเกิดโรคหรือสุขภาพมีปัญหา สามารถบ่งบอกถึงความบกพร่องของพลังชี่ "การรักษา พลีงชี่ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จะสามารถลดโอกาสในการเกิดโรคต่างๆ และช่วยในกระบวนการฟื้นตัวของร่างกายในยามเจ็บป่วย
ความสมดุลของหยินและหยาง
“หยินและหยางที่สมดุล” ถือเป็นสิ่งสำคัญในการมีสุขภาพที่ดี
ตามหลักแพทย์แผนจีน หยินและหยางเป็นพลังคู่ตรงข้ามที่พึ่งพากันและกัน ซึ่งกำหนดระบบชีวิต สุขภาพ และโรคภัยไข้เจ็บ คัมภีร์หวงตี้เน่ย์จิง กล่าวว่า "รากเหง้าของชีวิตอยู่ที่ความสมดุลของหยินและหยาง จิตใจและจิตวิญญาณของคนเราจะถูกควบคุมเป็นอย่างดี เมื่อเกิดความความสมดุลระหว่างหยินและหยาง" พูดง่ายๆ ก็คือ หยินและหยางเป็นรากฐานแห่งชีวิต และเมื่อมีความสมดุลอย่างเหมาะสมจะทำให้พลังชีวิตคงอยู่ได้ ความไม่สมดุลระหว่างหยินและหยางอาจทำให้เกิดความแปรแปรวนภายในร่างกายและนำไปสู่ความเจ็บป่วย การรักษาสมดุลนี้จะช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ระดับพลังงาน และสุขภาพโดยรวม
การดูแลอวัยวะภายใน
การดูแล จาง-ฟู่ (ระบบอวัยวะภายใน) ถือเป็นรากฐานของการมีสุขภาพที่ดี
จาง-ฟู่ หมายถึงอวัยวะสำคัญภายใน ในทางการแพทย์แผนจีนโบราณ เมื่ออวัยวะแต่ละส่วนทำงานตามหน้าที่อย่างถูกต้องเท่านั้น ระบบของร่างกายจึงจะทำงานได้ตามปกติ ตามคัมภีร์หวงตี้เน่ยจิง กล่าวว่า "อวัยวะหลักทั้ง 5 ปกป้องจากส่วนกลาง ชีวิตจะคงอยู่ได้เมื่อมีระบบการป้องกัน หากไม่เป็นเช่นนั้น ความตายจะตามมา" ซึ่งเข่าใจได้ว่า อวัยวะหลักทั้ง 5 มีความจำเป็นในการดำรงชีวิต การทำงานที่ผิดปกติจะส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ การดูแลจาง-ฟู่ และรักษาการทำงานของอวัยวะที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดการทำงานประสานกันได้ตามปกติ จะนำไปสู่ร่างกายที่แข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ